Press/กด CtrlหรือCmd + P to print
or save as PDF

ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจในลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ของพนักงานบริษัทเอกชนในจังหวัดกรุงเทพมหานคร

Last modified: September 8, 2020
You are here:
Estimated reading time: 2 min
หัวข้อสารนิพนธ์:
Project Title:
ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจในลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ของพนักงานบริษัทเอกชนในจังหวัดกรุงเทพมหานคร
Factors Affecting the Decision to Invest in Long-Term Equity Funds (LTF) of Employees of Private Companies in Bangkok
ชื่อนักศึกษา:
Author:
Miss Yang Mo
อาจารย์ที่ปรึกษา:
Advisor:
ดร. ธนกร ลิ้มศรัณย์
Dr. Thanakorn Limsarun
ระดับการศึกษา:
Degree:
บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (บธ.ม.)
Master of Business Administration
สาขาวิชา:
Major:
การจัดการการเงินและการธนาคาร
Finance and Banking
คณะ:
Faculty:
บัณฑิตวิทยาลัย
Graduate Schools
ปีการศึกษา:
Academic year:
2562
2019
URL:
Published แหล่งเผยแพร่ผลงาน
Conference
Conference Proceedings
National and International Academic Conference “Innovation and Management for Sustainability” 9-10 July 2020

การอ้างอิง/citation

Yang, Mo. (2562). ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจในลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ของพนักงานบริษัทเอกชนในจังหวัดกรุงเทพมหานคร. (การค้นคว้าอิสระบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสยาม.


บทคัดย่อ

วัตถุประสงค์ในการศึกษาครั้งนี้ (1) เพื่อสำรวจปัจจัยส่วนบุคคลของผู้ลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) (2) เพื่อสำรวจปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจในการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ของพนักงานบริษัทเอกชนในจังหวัดกรุงเทพมหานคร (3) เพื่อสำรวจการตัดสินใจในลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ของพนักงานบริษัทเอกชนในจังหวัดกรุงเทพมหานคร (4) เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจในลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ของพนักงานบริษัทเอกชนในจังหวัดกรุงเทพมหานคร

กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ พนักงานบริษัทเอกชนในจังหวัดกรุงเทพมหานคร ที่ลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) จานวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิจัย คือ สถิติเชิงพรรณนา ค่าสถิติร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติเชิงอนุมาน คือ การเปรียบเทียบระหว่างปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดกับการตัดสินใจในลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) โดยหาค่า t-test และค่า F-test หรือค่า (One Way ANOVA )

ผลการศึกษา พบว่า นักลงทุนที่เป็นพนักงานบริษัทเอกชนในจังหวัดกรุงเทพมหานครส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุ 21 – 30 ปี มีระดับการศึกษาปริญญาตรี รายได้ 15,001 – 25,000 บาท สำหรับปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดในภาพรวมที่มีผลต่อการตัดสินใจในลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ของพนักงานบริษัทเอกชนในจังหวัดกรุงเทพมหานคร โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x̅ = 4.42) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน โดยเรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปน้อย คือ ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย (x̅ = 4.52) รองลงมา คือ ด้านผลิตภัณฑ์ (x̅ = 4.48) ด้านราคา (x̅ = 4.37) และด้านการส่งเสริมการตลาด (x̅ = 4.30) ตามลาดับ และการตัดสินใจลงทุนในกองทุนรวม พบว่า มีวัตถุประสงค์ในการลงทุน เพื่อเป็นการออมระยะยาว และเพื่อนำไปหักลดหย่อนภาษีรวมถึงการได้รับเงินปันผลสม่ำเสมอ โดยจำนวนเงินในการลงทุนต่อครั้ง น้อยกว่าหรือเท่ากับ 10,000 บาท/ครั้ง ความถี่ในการลงทุน คือ ลงทุนทุกเดือน และตัดสินใจลงทุนด้วยตัวเอง

ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า โดยรวมแล้วปัจจัยส่วนบุคคลด้านต่างๆ ได้แก่ เพศ อายุ ระดับการศึกษา และรายได้เฉลี่ยต่อเดือนของนักลงทุนที่แตกต่างกัน ส่งผลต่อการตัดสินใจในลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด ได้แก่ ด้านผลิตภัณฑ์ ด้านราคา ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย และด้านการส่งเสริมการตลาด ส่งผลต่อการตัดสินใจในลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ของพนักงานบริษัทเอกชนในจังหวัดกรุงเทพมหานคร อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05

คำสำคัญ: ส่วนประสมทางการตลาด, การตัดสินใจลงทุน, กองทุนรวมหุ้นระยะยาว


Abstract

The objectives of this study were: 1) to conduct a survey on demographic factors of LTF investors; 2) to conduct a survey on marketing-mix factors affecting investors’ decisions to invest in LTFs; 3) to examine the decision-making strategies of private company employees in Bangkok’s decisions to invest in LTFs; and 4) to examine factors affecting private company employees in Bangkok’s decisions to invest in LTFs.

The samples of this study were 400 private company employees in Bangkok who invested in LTFs. The tool employed in the survey was a set of questionnaires. Statistical tools utilized in the survey were descriptive statistics: percentage, mean and standard deviation. Inferential statistical tools, in this case, were the comparisons among personal factors, marketing-mix factors and decisions to invest in LTF. T-Test and F-Test (One-Way ANOVA) were also utilized.

The study indicated that the majority of the participants were females, age ranging 21 – 30 years old. They finished at least a Bachelor’s Degree program. They earned 15,001 – 25,000 Baht a month. Overall, marketing-mix factors highly affected their decision-making strategies to invest in LTFs (x̅= 4.42). Consideration on each aspect, place was the most influential factor on their decision-making strategies (x̅= 4.52), followed by product (x̅= 4.48), price (x̅= 4.37) and promotion (x̅= 4.30), respectively. In terms of the factors that affected investment decisions in LTFs, their core adjective was for long-term savings.

The tested hypothesis found mostly different demographic factors — gender, age, education and monthly income influenced decision-making strategies of the participants to invest in LTFs at the value of significant difference of 0.05. Marketing-mix factors product, price, place and promotion influenced the participants’ decision to invest in LTFs at the statistical significance of 0.05.

Keyword: Marketing Mix, Capital Investment Decisions, Long-Term Equity Funds (LTF).


ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจในลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ของพนักงานบริษัทเอกชนในจังหวัดกรุงเทพมหานคร | Factors Affecting the Decision to Invest in Long-Term Equity Funds (LTF) of Employees of Private Companies in Bangkok

Master in Business Administration (MBA), Siam University, Bangkok, Thailand